Text Size
Friday, April 19, 2024
Top Tab Content

ปัญหาเกี่ยวกับความเสื่อมของพระพุทธศาสนา พ.ศ.๒๕๕๔


บทความสะท้อนปัญหาเกี่ยวกับความเสื่อมของพระพุทธศาสนา พ.ศ.๒๕๕๔ ตอนที่๑  

                ตามที่ปรากฏในสื่อต่างๆ ในช่วงเดือนกันยายน พ.ศ.๒๕๕๔  เป็นเรื่องเกี่ยวกับวงการสงฆ์ในประเทศไทย  และเป็นที่พูดคุยอย่างกว้างขวางของผู้คนในสังคม ในความคิดของผู้เขียนถือว่านี่เป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งที่สำคัญของพระพุทธศาสนาเลยก็ว่าได้  โดยที่เรื่องนั้น เป็นเรื่องเกี่ยวกับพระเกษม อาจิณฺณสีโลออกมาแสดงกิริยาท่าทาง ยกขาวางบนโต๊ะ เก้าอี้ ส่งเสียงดัง  ซ้ำยังเอาเท้างัดเก้าอี้ล้ม ฯลฯ ตามที่ปรากฏในสื่อออนไลน์ (www.youtube.com)  จนกระทั่งสื่อมวลชนทั้งหลายได้เผยแพร่ตามสื่อต่างๆ ซึ่งท่านผู้อ่านก็น่าจะเคยเห็นตามสื่อต่างๆมาบ้างแล้ว  การกระทำของพระเกษมไม่เป็นที่ยอมรับและเกิดการต่อต้านในสังคมเป็นส่วนมาก 

                ผู้เขียนไม่ได้ออกมาสนับสนุนการกระทำของหลวงพ่อเกษมที่ออกมายกแข้งยกขา และก็จะไม่ปกป้องพระเกษมถ้าท่านกระทำผิดอีกด้วย   อีกทั้งก็จะไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์วิธีการและการกระทำของพระเกษมนั้นผิดหรือถูกอย่างไร 

                สิ่งที่ผู้เขียนสนใจอยู่ที่ประเด็นดังต่อไปนี้ 

                การกระทำของพระเกษมนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่า ทำให้สังคมบางส่วน ตื่นมาพบกับความเน่าในที่แอบซ่อนอยู่และคอยกัดกินพระพุทธศาสนาในหลายด้าน  ความเน่าในนั้นผู้เขียนจะขอแบ่งแยกดังนี้
 

  “ ความเน่าใน ๑ ” 

                ๑. ผู้ที่เข้ามาประกาศขอบวชในบวรพุทธศาสนา แล้วนุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ซึ่งเป็นธงชัยของพระอรหันต์  แต่ไม่ได้ประพฤติตัวสมกับเป็นผู้ที่มาขอบวชในพระพุทธศาสนา มิได้ประพฤติปฏิบัติตามธรรมวินัยแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  แต่กลับประพฤติตนขัดกับสิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้าบัญญัติไว้

                 ในส่วนต่อไป ขอให้ท่านผู้อ่านได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องมหาโจรเสียก่อน เพื่อจะได้มีความเข้าใจในบทความส่วนถัดไป

                                       มหาโจร  ๕   จำพวก (อ้างอิง ๑)
         [๒๓๐]  ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย   มหาโจร  ๕  จำพวกนี้   มีปรากฏอยู่ในโลก
มหาโจร  ๕  จำพวกเป็นไฉน
         ๑.  ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย   มหาโจรบางคนในโลกนี้  ย่อมปรารถนาอย่างนี้ว่า
เมื่อไรหนอ  เราจักเป็นผู้อันบุรุษร้อยหนึ่ง  หรือพันหนึ่งแวดล้อมแล้ว  ท่องเที่ยวไป
ไปในคามนิคมและราชธานีเบียดเบียนเอง  ให้ผู้อื่นเบียดเบียน  ตัดเอง  ให้ผู้อื่นตัด
เผาผลาญเอง    ให้ผู้อื่นเผาผลาญ     สมัยต่อมา   เขาเป็นผู้  อันบุรุษร้อยหนึ่ง หรือ 
พันหนึ่ง   แวดล้อมแล้วเที่ยวไปในคามนิคมและราชธานี    เบียดเบียนเอง  ให้ผู้อื่น
เบียดเบียน  ตัดเอง  ให้ผู้อื่นตัด   เผาผลาญเอง  ให้ผู้อื่นเผาผลาญ ฉันใด
               ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย    ภิกษุผู้เลวทรามบางรูปในธรรมวินัยนี้       ก็ฉันนั้น
เหมือนกันแล  ย่อมปรารถนาอย่างนี้ว่า เมื่อไรหนอ เราจึงจักเป็นผู้ อันภิกษุร้อยหนึ่ง
หรือพันหนึ่งแวดล้อมแล้ว  เที่ยวจาริกไปในคามนิคมและราชธานี   อันคฤหัสถ์และ
บรรพชิต   สักการะ   เคารพ   นับถือ    บูชา   ยำเกรง  ได้จีวร  บิณฑบาต  เสนาสนะ  
และคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร  
                สมัยต่อมา  เธอเป็นผู้อันภิกษุร้อยหนึ่ง  หรือพันหนึ่งแวดล้อมแล้ว  เที่ยว
จาริกไปในคามนิคมและราชธานี   อันคฤหัสถ์และบรรพชิตสักการะ   เคารพ นับถือ
บูชา   ยำเกรงแล้ว  ได้จีวร   บิณฑบาต  เสนาสนะ   และคิลานปัจจัย   เภสัชบริขาร
ทั้งหลาย
                ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  นี้เป็นมหาโจรจำพวกที่  ๑   มีปรากฏอยู่ในโลก
         ๒.   ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย   อีกข้อหนึ่ง  ภิกษุผู้เลวทรามบางรูปในธรรมวินัยนี้
เล่าเรียนธรรมวินัยอันตถาคตประกาศแล้ว  ย่อมยกตนขึ้น 
                ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  นี้เป็นมหาโจรจำพวกที่  ๒  มีปรากฏอยู่ในโลก
         ๓.   ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย   อีกข้อหนึ่ง  ภิกษุผู้เลวทรามบางรูปในธรรมวินัยนี้ 
ย่อมตามกำจัดเพื่อนพรหมจารี    ผู้หมดจด      ผู้ประพฤติพรหมจรรย์อันบริสุทธิ์อยู่
ด้วยธรรมอันเป็นข้าศึกแก่พรหมจรรย์อันหามูลมิได้    
                ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย   นี้เป็นมหาโจรจำพวกที่  ๓  มีปรากฏอยู่ในโลก
         ๔.   ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  อีกข้อหนึ่ง  ภิกษุผู้เลวทรามบางรูปในธรรมวินัยนี้
ย่อมสงเคราะห์เกลี้ยกล่อมคฤหัสถ์ทั้งหลาย   ด้วยครุภัณฑ์    ครุบริขาร  ของสงฆ์
คือ  อาราม  พื้นที่อาราม  วิหาร   พื้นที่วิหาร   เตียง   ตั่ง   ฟูก   หมอน  หม้อโลหะ
อ่างโลหะ  กระถางโลหะ  กระทะโลหะ   มีด   ขวาน   ผึ่ง   จอบ   สว่าน   เถาวัลย์
ไม้ไผ่  หญ้ามุงกระต่าย  หญ้าปล้อง  หญ้าสามัญ  ดินเหนียว  เครื่องไม้ เครื่องดิน
                ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย   นี้เป็นมหาโจรจำพวกที่ ๔ มีปรากฏอยู่ในโลก
         ๕.   ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย     ภิกษุผู้กล่าวอวดอุตริมนุสธรรม       อันไม่มีอยู่
อันไม่เป็นจริง     นี้จัดเป็นยอดมหาโจร      ในโลกพร้อมทั้งเทวโลก       มารโลก
พรหมโลก   ในหมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณะ   พราหมณ์   เทวดา   และมนุษย์   ข้อนั้น
เพราะเหตุไร   เพราะภิกษุนั้น   ฉันก้อนข้าวของชาวแว่นแคว้น    ด้วยอาการแห่ง
คนขโมย
                                                นิคมคาถา
         ภิกษุใด  ประกาศตนอันมีอยู่โดยอาการอื่น  ด้วยอาการอย่างอื่น โภชนะนั้น
อันภิกษุนั้น   ฉันแล้ว    ด้วยอาการแห่งคนขโมย    ดุจพรานนกลวงจับนก  ฉะนั้น
ภิกษุผู้เลวทรามเป็นอันมาก     มีผ้ากาสาวะพันคอ       มีธรรมทรามไม่สำรวมแล้ว 
ภิกษุผู้เลวทรามเหล่านั้น     ย่อมเข้าถึงซึ่งนรก    เพราะกรรมทั้งหลายที่เลวทราม    
ภิกษุผู้ทุศีล  ผู้ไม่สำรวมแล้ว     บริโภคก้อนเหล็กแดงดังเปลวไฟ    ประเสริฐกว่า 
การฉันก้อนข้าวของชาวรัฏฐะ   จะประเสริฐอะไร



        ในส่วนอรรถกถาอธิบายมหาโจร ว่า (อ้างอิง ๒)

         ในโจร ๕ จำพวกนั้น   โจรทางโลกย่อมขโมยวัตถุมีทรัพย์  และธัญชาติ เป็นต้น
เฉพาะทางโลกเท่านั้น ในบรรดาโจรที่กล่าวแล้วในศาสนา 
         โจรที่ ๑  ย่อมขโมยสักว่าปัจจัยมีจีวรเป็นต้น  มีรูปเห็นปานนั้นเท่านั้น   
         โจรที่ ๒  ย่อมขโมยปริยัติธรรม 
         โจรที่ ๓  ย่อมขโมยพรหมจรรย์ของคนอื่น  
         โจรที่ ๔  ย่อมขโมยครุภัณฑ์อันเป็นของสงฆ์ 
         โจรที่ ๕  ย่อมขโมยทั้งคุณทรัพย์ที่เป็นโลกิยะ และโลกุตระ  อันต่างด้วย ฌาน
สมาธิ  สมาบัติ  มรรค   และผลทั้งปัจจัยมีจีวร เป็นต้น  อันเป็นโลกีย์ เป็นต้น  เหมือน
เหมือนอย่างที่ตรัสไว้ว่า      
         ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก้อนข้าวของแว่นแคว้น  พวกเธอบริโภคแล้ว   ด้วยไถยจิต

หมายเหตุ :
ไถย : [ไถยะ] ,  เถย- :[เถยยะ]         น. ความเป็นขโมย เช่น ไถยจิต
ไถยจิต , เถยจิต :                           น. จิตประกอบด้วยความเป็นขโมย, จิตคิดขโมย
(พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน)

                พระผู้มีพระภาคเจ้าเปรียบเทียบคนเหล่านั้นว่าเป็นมหาโจร  ดังนั้น ผู้เขียนจะเรียกพระเหล่านั้นที่มีความประพฤติดังกล่าวว่า มหาโจร(พระ)

  “ ความเน่าใน ๒ ” 

                ๒. ด้านฆราวาสที่อยู่ในสังคม ก็มิได้สนใจดูแลพระพุทธศาสนา  เอาความสบายใจของตนเองเป็นหลัก  ได้สนับสนุนมหาโจร(พระ)ที่มาประกาศขอบวชในบวรพุทธศาสนา มหาโจร(พระ)เหล่านั้นนุ่งห่มเหลือง   ส่วนฆราวาสกลุ่มหนึ่ง ก็มิได้สนใจพฤติกรรมของมหาโจรเหล่านั้นแม้สักนิดเดียว สักเสี้ยวหนึ่งก็ไม่มี เห็นห่มเหลืองมาก็ก้มหัวอย่างหมดใจให้กับมหาโจรเหล่านั้น โดยไม่มีความคิดคลางแคลงสงสัยหรือความคิดที่จะตรวจสอบ ขอย้ำว่าไม่มีแม้สักนิดเดียว   ผู้ที่ก้มหัวเหล่านั้น กลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับมหาโจรในการทำลายศาสนาโดยไม่รู้ตัว เพื่อหวัง(หวังบุญ)ผลตอบแทนเล็กๆน้อยๆ เพื่อความสบายใจของตัวเอง  มหาโจรเหล่านั้นจะย่ำยีศาสนาเท่าไหร่ก็ไม่สน  ตั้งหน้าตั้งตาเอาปัจจัยไปให้มหาโจร(พระ)เหล่านั้นบริโภค เพื่อความสบายใจของตนเองเป็นหลัก เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนั้น มหาโจรจึงมีอิทธิพลมากขึ้น และเหิมเกริมหนัก เนื่องจากมีแต่คนกราบไหว้ ประเคนเงินทอง ปัจจัยต่างๆให้ โดยไม่มีใครคิดจะตรวจสอบ  
               ส่วนอีกพวกหนึ่งได้นับถือมหาโจรเป็นอาจารย์ โดยมิได้ใส่ใจ ไม่ปฏิบัติตามคำสอนในสิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ ทั้งๆที่พระองค์ทรงบำเพ็ญบารมีมาอย่างยาวนานและด้วยความยากลำบาก เพื่อนำสิ่งนี้มาช่วยสรรพสัตว์   แต่คนพวกนี้ก็มิได้ให้ความสำคัญ กลับไปใส่ใจ ปฏิบัติตามคำสอนของอาจารย์มหาโจรเหล่านั้นมากกว่า
               ส่วนอีกพวกหนึ่งก็เกรงใจทั้งมหาโจร และเกรงใจทั้งประชาชนผู้ที่สนับสนุนมหาโจร  ทั้งที่ตัวเองก็ไม่อยากไปสนับสนุน แต่พอมีคนมาบอกให้นำเงินไปสนับสนุนมหาโจรเหล่านั้น   คนพวกนี้ก็เกรงใจไม่กล้าขัดขืน และไม่มีความกล้าพอที่จะไปตรวจสอบ จึงได้เอาปัจจัยทั้งหลายไปร่วมสนับสนุนกับพวกเขา
               ส่วนพระที่(เคย)ดี ก็เกรงใจมหาโจร(พระ)เหล่านั้น ไม่ได้ขัดขืน ต่อต้าน  ปล่อยตัวปล่อยใจ เข้าร่วม ยอมทำตามมหาโจรเหล่านั้น ร่วมกระทำความผิด ปล้นชาวบ้านที่มาก้มหัวให้
               สรุปแล้ว ส่วนมากของสังคมปราศจากความกล้าหาญที่จะปกป้องพระศาสนาของพระศาสดาทั้งสิ้น

               ถามผู้ที่เป็นพระที่(เคย)ดี อุบาสกที่ดี อุบาสิกาที่ดี แต่ตอนนี้กลายเป็นพวกเดียวกับมหาโจรเหล่านั้น และขอถามชาวบ้านที่ก้มหัวให้โจรเหล่านั้นอย่างหมดใจ   เมื่อไหร่พวกท่านจะตื่นสักที   ท่านจะยอมให้พวกโจรเหล่านั้น เหิมเกริมไปอีกนานเท่าไหร่  ท่านจะปล่อยให้พระผู้มีพระภาคเจ้า(พระธรรมวินัยเป็นตัวแทนของพระผู้มีพระภาคเจ้า)โดนย่ำยีต่อไปอย่างนี้หรือ
   
                ก่อนจะไปหัวข้อถัดไป ผู้เขียนขอทิ้งท้ายของหัวข้อนี้  ด้วยการนำสิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเกี่ยวกับ "ว่าด้วยเหตุเสื่อมและไม่เสื่อมแห่งศาสนา"  เพื่อหวังว่าเหล่าพุทธบริษัททั้งหลายจะได้สติ  และกลับมาแก้ไขในส่วนที่ผิดพลาดทั้งหลาย (อ้างอิง ๓)

                อีกประการหนึ่ง  ภิกษุทั้งหลายผู้เถระ เป็นผู้มักมาก มีความประพฤติ 
ย่อหย่อน  เป็นหัวหน้าในการล่วงละเมิด  ทอดธุระในทางวิเวก  ไม่ปรารภความ
เพียร   เพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง   เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งธรรม
ที่ยังไม่ทำให้แจ้ง   
                ประชุมชนหลัง   ย่อมถือเอาภิกษุเหล่านั้นเป็นตัวอย่าง     ประชุมชน
เหล่านั้นก็เป็นผู้มักมาก มีความประพฤติย่อหย่อน เป็นหัวหน้าในการล่วงละเมิด  
ทอดธุระในทางวิเวก   ไม่ปรารภความเพียร   เพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง   เพื่อบรรลุ
ธรรมที่ยังไม่บรรลุ   เพื่อทำให้แจ้งธรรมที่ยังไม่ทำให้แจ้ง    นี้เป็นธรรมข้อที่  ๔  
ย่อมเป็นไปเพื่อความลบเลือนเสื่อมสูญแห่งสัทธรรม


  “ ความเน่าใน ๓ ” 

                ๓. ส่วนปัญหาถัดมานั่นคือ ปัญหาขององค์กรที่คอยควบคุมดูแลพระพุทธศาสนา ผู้ที่ทำงานอยู่ในองค์กรบางคนกลับเป็นผู้ที่ไม่มีความรู้ ไม่มีความเข้าใจ ไม่สนใจ หรือรู้แต่ทำเป็นไม่รู้ เพิกเฉยต่อธรรมวินัยของพระผู้มีพระภาคเจ้า  เป็นเหตุให้แทนที่จะได้ทำหน้าที่ดูแลพระพุทธศาสนา กลับกลายมาทำลายพระศาสนาเสียเอง 
               องค์กรที่มีหน้าที่ดูแลพระพุทธศาสนา ต้องเป็นองค์กรที่มีคุณธรรมอย่างสูงที่สุดในประเทศ  ส่วนคุณสมบัติผู้ที่ทำงานอยู่ในองค์กรจะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจ นอกจากเป็นผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจแล้ว ที่สำคัญที่สุดก็คือต้องเป็นผู้ที่ดำรงหลักของพระธรรมวินัยอย่างที่สุด 

กรณีพระเกษม

                ขอวกกลับมาเรื่องพระเกษมอีกสักเล็กน้อย  ส่วนในกรณีพระเกษมนั้น  พระเกษมได้กล่าวท้าทายให้องค์กรที่เกี่ยวข้องให้มาสอบสวนตนเองอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมาตามหลักพระธรรมวินัย  ผู้เขียนเห็นอย่างนี้ก็คิดว่า ก็ดีเหมือนกัน เดี๋ยวก็คงมีการสอบสวนเอาผิดตามหลักธรรมวินัย ประชาชนจะได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้มากมาย  เป็นการแสดงให้เห็นว่าวิธีการที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงบัญญัติไว้ มีความเป็นธรรมเพียงไร มีความโปร่งใสเพียงไร  ทั้งในด้านการแต่งตั้งผู้สอบสวน และกระบวนวิธีการสอบสวน ฯลฯ  ซึ่งทั้งกระบวนวิธีการสอบสวนตามหลักธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าบัญญัตินั้นเป็นหลักที่มีในพระพุทธศาสนามานานแล้ว แต่ก็ยังทันสมัยอยู่เสมอ  ดูแล้วน่าจะมีประโยชน์มากมายเกิดจากเรื่องนี้  
               แต่ที่ไหนได้ เหตุการณ์กลับหาเป็นเช่นนั้นไม่  ได้มีการออกคำสั่งลงโทษพระเกษมทันที โดยไม่มีการสอบสวนตามที่พระผู้มีพระภาคเจ้าบัญญัติ    ทั้งที่พระเกษมก็กล่าวท้าทายให้มาสอบสวนตนเองอย่างเปิดเผย  ก็ไม่มีใครออกมาแก้ในสิ่งที่พระเกษมพูดแต่อย่างใด   ถ้าจะต้องกระทำอย่างเร่งด่วน ก็ต้องรีบนำพระเกษมมาสอบสวนอย่างเปิดเผยอย่างเร่งด่วน ไม่ใช่รีบออกคำสั่งลงโทษท่านอย่างเร่งด่วนแบบมีเงื่อนงำอำพราง  ส่วนเรื่องที่ต้องทำอย่างละเอียดรอบคอบนั่นคือเรื่องของการสอบสวน เพื่อรักษาพระศาสนา เป็นการให้ความเป็นธรรมและโปร่งใสแก่ผู้ถูกลงโทษ  และเพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนอีกด้วย 

               ส่วนเรื่องที่เลวร้ายที่สุดนั่นคือ การไม่ได้นำหลักเกณฑ์ตามพระธรรมวินัยมาตัดสิน ในเรื่องของการให้สละสมณเพศ  แต่กลับนำกฎระเบียบที่บัญญัติขึ้นเองโดยองค์กรของตนเองมาตัดสินแทนพระธรรมวินัย 

               ผู้เขียนขอตำหนิผู้ที่ทำงานอยู่ในองค์กรเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาบางท่าน ซึ่งได้กระทำการขัดต่อหลักธรรมวินัยของพระผู้มีพระภาคเจ้า  พวกท่านไม่ได้นำหลักที่พระผู้มีพระภาคเจ้าบัญญัติไว้มาตัดสิน แต่กลับนำหลักของตัวเองมาตัดสิน    พวกท่านไม่ได้ให้ความสำคัญต่อสิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสสั่งไว้   พวกท่านไม่มีความยำเกรงต่อพระองค์บ้างเลยหรือ  เหตุใดพวกท่านจึงไม่มีความละอายต่อการกระทำของตนเองที่เลวร้ายเป็นอย่างยิ่งเช่นนี้ การกระทำเช่นนี้ทำให้ทั้งองค์กรของท่านต้องมัวหมอง 
               องค์กรเกี่ยวกับศาสนาพุทธ ต้องเป็นองค์กรที่มีคุณธรรม และความยุติธรรมอย่างสูงสุด กลับละเลยปล่อยให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร  ต่อจากนี้พระนวกะ พระใหม่ที่กำลังศึกษาหลักธรรม  ท่านจะสั่งสอนพระเหล่านั้นให้เป็นผู้ที่มาปฏิบัติตามหลักคำสอนได้อย่างไร  ถ้าองค์กรทางพุทธศาสนา กลับมาไม่มีความเป็นธรรมเสียเอง  ท่านจะเป็นตัวอย่างที่ดีได้อย่างไร  ต่อจากนี้ไปจะมีใครไปเคารพองค์กรของท่าน
               ผู้เขียนขอร้องให้องค์กรที่เกี่ยวข้อง ดำรงความเป็นธรรม เพื่อเป็นหลักให้กับพุทธศาสนาต่อไป คนที่มีความรู้ มีคุณธรรม ที่ทำงานอยู่ในองค์กรนั้น ขอให้ออกมาแก้ไขเรื่องนี้เพื่อให้องค์กรกลับมาเป็นที่เคารพนับถือ ไม่ต้องมีมลทินมัวหมอง

ผลกระทบของการไม่ใช้พระธรรมวินัยมาตัดสินลงโทษพระให้สละสมณเพศ

               ในธรรมวินัยนั้น  ไม่มีใครในมนุษย์โลก เทวโลก พรหมโลก มารโลกมาทำให้ผู้หนึ่งผู้ใดขาดจากความเป็นพระได้ ตราบใดที่พระภิกษุรูปนั้นยังไม่ต้องปาราชิก ๔ และยังไม่สละสมณเพศด้วยตนเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้  ผู้เขียนจะขอยืนยันว่าไม่มีใครสามารถยึดความเป็นพระจากพระรูปใดได้   ท่านอาจจะพรากความเป็นพระโดยการฆ่าพระรูปหนึ่งรูปใดเช่นใช้อาวุธทำให้พระรูปนั้นเสียชีวิตได้ แต่ท่านไม่มีทางยึดความเป็นพระจากพระได้  เปรียบได้กับว่าไม่มีใครสามารถดึงความเป็นคนออกจากคนผู้หนึ่งผู้ใดได้  ไม่ว่าท่านจะทำอะไรพระดังกล่าว ท่านก็ยังเป็นพระอยู่นั่นเอง

                ผลกระทบต่อธรรมวินัย
                ถ้าพระรูปใดไม่ต้องปาราชิก๔ แล้วมีผู้หนึ่งผู้ใดมาสั่งให้สละสมณเพศด้วยอำนาจของตนเอง ผู้เขียนมองว่าเป็นการทำลายพระศาสนาเลยทีเดียว เนื่องจากเป็นตัวอย่างในการไม่มีความเคารพยำเกรงต่อพระธรรมวินัย ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าได้แต่งตั้งพระธรรมวินัยเป็นตัวแทนของพระองค์

               ผลกระทบต่อประชาชน
               เป็นการหลอกลวงประชาชนว่าพระที่ไม่ต้องปาราชิก๔ ไม่ได้เป็นพระอีกแล้ว  ซึ่งเป็นการโกหกประชาชน ถ้าประชาชนไม่ได้มีความรู้ ไม่ได้ตรวจสอบ และหลงเชื่อว่าพระนั้นไม่ได้เป็นพระ  ความบาปก็จะมาถึงประชาชนเหล่านั้น ซึ่งการกระทำเช่นนี้เป็นการทำร้ายประชาชนเป็นอย่างยิ่ง

               ผลกระทบต่อองค์กรศาสนา
               เป็นความเสื่อมเสียขององค์กรเป็นอย่างยิ่ง ที่ปล่อยให้มีการลงโทษที่ไม่ชอบด้วยพระธรรมวินัยเกิดขึ้นมาได้  และสิ่งนี้ก็จะเป็นประวัติขององค์กรติดตัวไปโดยตลอด เหมือนกับเป็นมลทินที่ติดไปกับองค์กรโดยตลอด

  “ ความเน่าใน ๔ ” 
๔.  บัญญัติในสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่บัญญัติ
               ซึ่งประเด็นนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ ในความคิดของผู้เขียนถือว่าเป็นการทำลายพระธรรมวินัยเลยทีเดียว  กฎที่ใช้กันอยู่ปัจจุบันนี้ บางกฎขัดกับหลักธรรมวินัย  ตัวอย่างเช่น  พระบัญญัติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้บัญญัติหลักเกณฑ์และวิธีของผู้ที่จะสละสมณะเพศไว้อย่างชัดเจน นั่นคือการต้องปาราชิก๔   คำสั่งที่ออกโดยไม่ปฏิบัติตามกฎนี้เป็นคำสั่งที่ขัดต่อพระบัญญัติพระธรรมวินัย เป็นการเพิกเฉยต่อพระธรรมวินัยอย่างร้ายแรง

               สิ่งต่างๆเหล่านี้ เป็นการตั้งกฎกติกาโดยคนกลุ่มหนึ่ง โดยไม่สนใจคำสั่งของพระศาสดา

               ขอยกตัวอย่างว่า สมมติเวลาได้ผ่านล่วงเลยมาจนถึงพ.ศ. ๔๕๐๐ พระพุทธศาสนาได้เผยแผ่และลงรากลึกอยู่ในอีกประเทศหนึ่งซึ่งไม่ใช่ประเทศไทย  ผู้คนในประเทศนั้นได้นับถือพระพุทธศาสนาจำนวนมาก   แต่ประเทศนั้นออกกฎหมายควบคุมคณะสงฆ์โดยไม่สนใจพระธรรมวินัย  พวกท่านคิดว่าประเทศนั้นทำลายพระพุทธศาสนาหรือไม่  พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาสากล โดยอยู่ภายใต้พุทธอาณาจักร  พระวินัยออกโดยพระพุทธเจ้าผู้เป็นพระสัพพัญญู   ถ้ามีประเทศหนึ่งออกกฎโดยไม่สนใจสิ่งที่พระพุทธเจ้าบัญญัติ แต่กลับประกาศว่าจะนับถือศาสนาของพระองค์   พวกท่านคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้   และพวกท่านจะยอมให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในประเทศไทยหรือ





มีผู้อ่านจำนวน : 4668 ครั้ง


บทความที่เกี่ยวข้อง

           บทความสะท้อนปัญหาเกี่ยวกับความเสื่อมของพระพุทธศาสนา พ.ศ.๒๕๕๔ ตอนที่ ๑
           บทความสะท้อนปัญหาเกี่ยวกับความเสื่อมของพระพุทธศาสนา พ.ศ.๒๕๕๔ ตอนที่ ๒
backbutton
gototop
back2home_style3 go2contentstore_style03
Bottom Tab Content

Who's Online

We have one guest and no members online